NetOps vs DevOps vs SecOps vs CloudOps ต่างกันอย่างไร! ใช้อะไรเวิร์กสุด!

การดำเนินงานด้าน IT มีการเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่องเพื่อให้สอดคล้องกับเทคโนโลยีที่พัฒนาไปอย่างรวดเร็ว คำศัพท์เช่น NetOps, DevOps, SecOps, และ CloudOps จึงกลายมาเป็นแนวทางสำคัญในการจัดการโครงสร้างพื้นฐานและการพัฒนาซอฟต์แวร์ แม้ว่าแต่ละแนวทางจะมีเป้าหมายเฉพาะเจาะจง แต่ทั้งหมดนี้ต่างมีจุดร่วมในการเพิ่มประสิทธิภาพ ความยืดหยุ่น และความปลอดภัยของระบบ IT เรามาเปรียบเทียบข้อแตกต่างและบทบาทของแต่ละแนวทางกัน

NetOps คือการบริหารจัดการและดูแลเครือข่ายให้สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยมีการใช้เครื่องมืออัตโนมัติและการวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพของเครือข่าย

  • เป้าหมายหลัก:
    • เพิ่มความเสถียรของเครือข่าย
    • ปรับปรุงความเร็วและความปลอดภัยในการเชื่อมต่อ
    • ใช้ Automation เพื่อลดความผิดพลาดจากการทำงานด้วยมือ
  • เครื่องมือที่ใช้บ่อย:
    • Cisco DNA Center, Ansible, Puppet, SolarWinds
  • ข้อดี:
    • ช่วยลด Downtime ของเครือข่าย
    • เพิ่มความสามารถในการขยายเครือข่าย (Scalability)
    • การตรวจสอบและตอบสนองต่อปัญหาได้แบบ Real-Time

DevOps เน้นการผสานรวมระหว่างทีมพัฒนาซอฟต์แวร์ (Development) และทีมปฏิบัติการ (Operations) เพื่อเพิ่มความเร็วและความต่อเนื่องในการปล่อยซอฟต์แวร์

  • เป้าหมายหลัก:
    • การพัฒนาซอฟต์แวร์อย่างต่อเนื่อง (Continuous Development)
    • การทดสอบและปล่อยซอฟต์แวร์อย่างรวดเร็ว (Continuous Integration/Continuous Deployment – CI/CD)
    • ลดเวลาในการนำซอฟต์แวร์เข้าสู่ตลาด (Time to Market)
  • เครื่องมือที่ใช้บ่อย:
    • Jenkins, Docker, Kubernetes, GitLab CI, Terraform
  • ข้อดี:
    • เพิ่มความยืดหยุ่นและรวดเร็วในการพัฒนาซอฟต์แวร์
    • การปรับปรุงอย่างต่อเนื่องตาม Feedback ของผู้ใช้งาน
    • ลดความซับซ้อนในการจัดการโครงสร้างพื้นฐานด้วย Infrastructure as Code (IaC)

SecOps คือการผสานรวมความปลอดภัยเข้าไปในกระบวนการ IT Operations เพื่อให้การดำเนินงานด้าน IT มีความปลอดภัยและตรวจสอบได้ในทุกขั้นตอน

  • เป้าหมายหลัก:
    • การตรวจจับและตอบสนองต่อภัยคุกคาม (Threat Detection & Response)
    • การรักษาความปลอดภัยของข้อมูลและโครงสร้างพื้นฐาน
    • การผสานความปลอดภัยเข้าในกระบวนการพัฒนา (Shift Left Security)
  • เครื่องมือที่ใช้บ่อย:
    • SIEM (เช่น Splunk, IBM QRadar), SOAR, Firewalls, Intrusion Detection Systems (IDS)
  • ข้อดี:
    • ลดความเสี่ยงจากภัยคุกคามทางไซเบอร์
    • ปรับปรุงกระบวนการรับมือกับเหตุการณ์ (Incident Response)
    • ทำให้ระบบมีความปลอดภัยตลอดวงจรชีวิตของซอฟต์แวร์

CloudOps คือการบริหารจัดการและเพิ่มประสิทธิภาพของบริการคลาวด์ โดยใช้เครื่องมือและกระบวนการอัตโนมัติสำหรับการปรับขนาดและตรวจสอบทรัพยากรบนคลาวด์

  • เป้าหมายหลัก:
    • การบริหารจัดการทรัพยากรบนคลาวด์อย่างมีประสิทธิภาพ
    • การเพิ่มความยืดหยุ่นและปรับขนาด (Scalability) ได้ตามความต้องการ
    • การควบคุมค่าใช้จ่ายและประสิทธิภาพการใช้ทรัพยากร
  • เครื่องมือที่ใช้บ่อย:
    • AWS CloudWatch, Azure Monitor, Google Cloud Operations Suite, Terraform, Ansible
  • ข้อดี:
    • เพิ่มความสามารถในการปรับขนาดระบบตามการใช้งาน
    • ลดค่าใช้จ่ายโดยการใช้ทรัพยากรเฉพาะที่จำเป็น
    • รองรับการทำงานแบบ Multi-cloud และ Hybrid Cloud
NetOpsDevOpsSecOpsCloudOps
Objectiveจัดการเครือข่ายและความเสถียรเร่งการพัฒนาซอฟต์แวร์และการปรับใช้เพิ่มความปลอดภัยในกระบวนการ ITจัดการทรัพยากรคลาวด์อย่างมีประสิทธิภาพ
ToolsZabbix, MRTG, Ansible, SolarWindsJenkins, Docker, KubernetesSIEM, Firewalls, SOAR, XDRAWS CloudWatch, Terraform, Ansible
Responsibilityลด Downtime, เพิ่มความเร็วเครือข่ายปรับใช้ซอฟต์แวร์อย่างรวดเร็วลดความเสี่ยงด้านความปลอดภัยเพิ่มความยืดหยุ่นและลดค่าใช้จ่าย

ข้อสรุป

แต่ละแนวทางมีบทบาทสำคัญในวงจรชีวิตของการดำเนินงาน IT ที่ทันสมัย การเลือกใช้ NetOps, DevOps, SecOps, หรือ CloudOps ขึ้นอยู่กับความต้องการเฉพาะขององค์กร บางองค์กรอาจใช้หลายแนวทางร่วมกันเพื่อสร้างระบบที่มีประสิทธิภาพ ยืดหยุ่น และปลอดภัยสูงสุด การเข้าใจความแตกต่างและจุดแข็งของแต่ละแนวทางจะช่วยให้องค์กรสามารถพัฒนาและปรับตัวให้ทันกับการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีได้อย่างมีประสิทธิภาพ

สำหรับ PROEN เรามีโปรแกรม Manage Service by The Moon and The Sun ที่จะช่วยให้คุณสบายใจได้ด้วยทีม CloudOps, NetOps, DevOps และ SecOps ตลอด 24 ชั่วโมง

สัมผัสประสบการณ์ PROEN Cloud ได้แล้วที่นี่

📞 โทร: 02690 3888

📧 อีเมล: sales@proen.co.th

Recent Post

การจัดการความเสี่ยงคือสกิลที่ Developer ต้องมีติดตัว

ในโลกที่ระบบซอฟต์แวร์กลายเป็นโครงสร้างพื้นฐานของทุกองค์กร ความผิดพลาดเพียงเล็กน้อยในโค้ดหนึ่งบรรทัด อาจทำให้ระบบล่ม ธุรกิจหยุดชะงัก หรือข้อมูลสำคัญสูญหายได้ การจัดการความเสี่ยงจึงไม่ใช่แค่เรื่องของทีม IT Security หรือ SysAdmin แต่เป็นหน้าที่ของ Developer ทุกคนที่มีส่วนร่วมกับระบบนั้น ๆ

Read More »

Automation ระบบที่คิดเพื่ออนาคต ลงทุนเวลาเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่มากกว่าในระยะยาว

ในสายตาคนนอกวงการ การที่ Developer หรือวิศวกรซอฟต์แวร์เขียน Script ให้งานให้สามารถทำงานได้อัตโนมัติ อาจดูเหมือนเป็นการ “หลีกเลี่ยง” งาน แต่ในโลกจริงของวงการพัฒนาเทคโนโลยี Automation มันคือการลงทุนทางเวลา เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่มากกว่าเดิมในระยะยาว

Read More »

เป็น Dev ก็ Work from Anywhere ได้แม้ไม่มีคอม…รวมแอปเขียนโค้ดบนมือถือกับฟังก์ชั่นตัวเด็ด!

ในโลกที่ชีวิตของ Developer ไม่จำกัดอยู่แค่หลังโต๊ะทำงาน การเดินทาง นั่งคาเฟ่ หรือช่วงเวลาระหว่างรอรถ ก็สามารถกลายเป็น “เวลาแห่งการสร้างสรรค์” ได้ — เพราะตอนนี้มี แอปเขียนโค้ดบนมือถือ ให้เลือกใช้มากมายที่ช่วยให้ Dev ทำงานได้แม้ไม่มีโน้ตบุ๊กอยู่ใกล้ตัว

Read More »

AI อย่างเดียวคงไม่พอ…ต้องมี Platform ที่ใช่ เพื่อให้ Dev ทำงานง่ายยิ่งกว่าเดิม

ในยุคที่ AI ไม่ใช่เรื่องไกลตัวอีกต่อไป Developer หลายคนเริ่มหันมาใช้เครื่องมือปัญญาประดิษฐ์ เพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการเขียนโค้ด ตรวจสอบข้อผิดพลาด หรือแม้แต่สร้างโปรแกรมอัตโนมัติขั้นสูง แต่เบื้องหลังการใช้งาน AI ที่ได้ผลจริง สิ่งสำคัญที่ไม่ควรมองข้ามคือ “โครงสร้างพื้นฐาน” ที่ยืดหยุ่น ปลอดภัย และสามารถประมวลผลได้รวดเร็ว ซึ่งเป็นสิ่งที่ PROEN Cloud พร้อมจะมอบให้กับ Dev ทุกคนที่ต้องการก้าวไปอีกขั้น

Read More »