AI ช่วยสร้างกำไร… หรือฝันร้าย? บทเรียนจากองค์กรที่ไว้ใจ ChatGPT มากเกินไป

เทคโนโลยี Generative AI โดยเฉพาะ ChatGPT ได้กลายเป็นเครื่องมือทรงพลังที่เข้ามาเปลี่ยนวิธีทำงานของหลายองค์กรทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็นการเขียนอีเมล รายงาน การสรุปข้อมูล ไปจนถึงการช่วยเขียนโค้ดโปรแกรม ภายในเวลาไม่ถึง 2 ปี องค์กรนับพันทั่วโลกต่างแข่งขันกันนำ AI มาใช้เพื่อ “เพิ่มประสิทธิภาพ” และ “ลดต้นทุนแรงงาน” ให้ทันกับกระแส Digital Transformation

แต่เบื้องหลังความตื่นเต้น กลับมีอีกด้านที่น้อยคนจะพูดถึง นั่นคือ ความเสียหายที่เกิดจากการใช้งานโดยไม่เข้าใจข้อจำกัดของ AI ไม่ว่าจะเป็นข้อมูลลับรั่วไหล เนื้อหาที่ผิดกฎหมาย การละเมิดความเป็นส่วนตัว ไปจนถึงการตัดสินใจที่ผิดพลาดจากข้อมูลเทียมที่ AI สร้างขึ้น

คำถามคือ องค์กรของคุณพร้อมแค่ไหน หากพนักงานคนหนึ่งป้อนข้อมูลลับของบริษัทลงใน AI โดยไม่รู้ว่าอาจหลุดออกสู่โลกภายนอก?

ในบทความนี้ เราจะพาไปดู 5 กรณีจริงขององค์กรชื่อดังที่ประสบกับความเสียหายจากการใช้ ChatGPT และ AI พร้อมแนวทางป้องกันซึ่งไม่เพียงช่วยลดความเสี่ยง แต่ยังสร้างโครงสร้างการกำกับดูแล AI ที่ยั่งยืนได้ในระยะยาว

ย้อนกลับไปในปี 2023 โลกธุรกิจกำลังเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วด้วยพลังของ Generative AI ทุกคนต่างพูดถึง ChatGPT—เครื่องมือที่สามารถตอบคำถามอย่างชาญฉลาด สรุปเอกสารได้ในไม่กี่วินาที และเขียนโค้ดได้แม้ไม่เคยเขียนโปรแกรมมาก่อน

  • ฝ่ายทรัพยากรบุคคล ใช้มันเพื่อร่างประกาศงาน
  • ทีมบัญชี ใช้มันช่วยวิเคราะห์ข้อมูล Excel
  • ฝ่ายการตลาด ใช้มันเพื่อเขียนคอนเทนต์ SEO
  • ฝ่ายพัฒนา ใช้มันเพื่อ Debug Code

ทุกอย่างดูราบรื่น จนกระทั่ง… มีคนป้อนข้อมูลที่ไม่ควรป้อน เช่น

Samsung Electronics เป็นตัวอย่างแรก ๆ ขององค์กรระดับโลกที่เปิดรับ AI อย่างเปิดกว้าง จนเกิดเหตุการณ์ที่พนักงานป้อน ซอร์สโค้ดลับและข้อมูลประชุมระดับผู้บริหาร ลงใน ChatGPT ด้วยความหวังว่า AI จะช่วยสรุปและวิเคราะห์ได้เร็วขึ้น แต่พวกเขา ลืมไปว่า ChatGPT ไม่ใช่ระบบปิดขององค์กร และข้อมูลเหล่านั้นอาจถูกใช้เพื่อฝึกโมเดล AI และถูกเข้าถึงโดยผู้อื่นได้ในอนาคต

ผลลัพธ์: Samsung ต้อง สั่งห้ามใช้งาน AI ทันทีในทุกหน่วยงาน และเริ่มวางนโยบาย “Zero AI” ในองค์กรภายใน 48 ชั่วโมง

ไม่นานหลังจากใช้งาน ChatGPT ก็มีเหตุการณ์ที่พนักงานของ Samsung ป้อนซอร์สโค้ดลับของชิปประมวลผล และข้อมูลการประชุมที่เป็นความลับเข้าสู่ระบบของ AI โดยไม่รู้ว่า ข้อมูลเหล่านั้นอาจถูกนำไปใช้เพื่อฝึกโมเดลต่อ และสุ่มเผยแพร่สู่บุคคลอื่น ซึ่งกรณีนี้กลายเป็นข่าวใหญ่ และทำให้ Samsung ต้องสั่ง แบนการใช้ AI ทั้งหมดในองค์กรทันที

ไม่ใช่แค่ Samsung เท่านั้น

  • OpenAI เอง ยังเคยพบเหตุการณ์ข้อมูลหลุดในเดือนมีนาคม 2023 เมื่อ ChatGPT แสดง ประวัติการสนทนาและข้อมูลบัตรเครดิตของผู้ใช้บางราย ไปยังผู้ใช้คนอื่นโดยไม่ได้ตั้งใจ
  • องค์กรที่ใช้ AI เพื่อจัดการข้อมูลลูกค้า โดยไม่มีการควบคุม มีความเสี่ยงละเมิดกฎหมาย PDPA อย่างร้ายแรง
  • บางบริษัทที่เชื่อใน “ความฉลาดของ AI” มากเกินไป นำเนื้อหาที่ AI สร้างไปใช้โดยไม่ตรวจสอบ ส่งผลให้ เผยแพร่ข้อมูลเท็จหรือเข้าใจผิด อันเป็นการบ่อนทำลายความน่าเชื่อถือของแบรนด์

คำถามสำคัญคือ: ทำไมถึงเกิดเหตุการณ์เหล่านี้?

คำตอบคือ “องค์กรไม่ทันเกม AI”

หลายองค์กรไม่มี:

  • นโยบายการใช้งาน AI ที่ชัดเจน
  • ระบบ Data Loss Prevention (DLP)
  • ระบบตรวจสอบและคัดกรองการใช้ AI
  • การอบรมพนักงานถึงความเสี่ยงของ AI
  • การแยกบัญชีองค์กรกับบัญชีส่วนตัวในการเข้าถึง ChatGPT

สิ่งเหล่านี้ทำให้พนักงาน “ใช้ AI ตามสัญชาตญาณ” แทนที่จะเป็นไปตามมาตรฐานความปลอดภัย

เพื่อให้ AI เป็นผู้ช่วย ไม่ใช่ผู้ทำลาย องค์กรจำเป็นต้องมีโครงสร้างกำกับดูแลที่ชัดเจน และนี่คือคำแนะนำจากแนวทางที่สามารถนำไปใช้ได้คือ

  1. Define the Boundaries: กำหนดนโยบายการใช้ AI อย่างชัดเจนว่าอะไรใช้ได้ และอะไรห้ามเด็ดขาด
  1. Enable Tech Guardrails: ติดตั้งระบบ DLP และตรวจสอบพฤติกรรมการใช้ AI ผ่าน Endpoint Monitoring
  1. Upskill with Risk Literacy: อบรมพนักงานไม่ใช่แค่สอนใช้ AI แต่ต้องสอน “ความเสี่ยง” จากการใช้งาน
  1. Create AI Sandboxes: จัดพื้นที่ให้พนักงานทดลองใช้งาน AI ภายในระบบปิด
  1. Establish Cross-Function Governance: ตั้งทีมบริหารความเสี่ยง AI โดยมีตัวแทนจากทุกฝ่ายในองค์กร

“AI is Powerful, But Trust Must Be Engineered”

ChatGPT และ AI ไม่ใช่ “ปัญหา” ในตัวเอง แต่เป็น “ตัวเร่งปัญหา” หากองค์กรไม่เตรียมพร้อมเมื่อองค์กรเข้าใจว่า “การใช้งาน AI อย่างปลอดภัย” คือ “กลยุทธ์” ไม่ใช่ “ทางเลือก” เท่านั้น ธุรกิจจึงจะสามารถควบคุมพลังของเทคโนโลยีนี้ได้อย่างมั่นคงและยั่งยืน

สัมผัสประสบการณ์ PROEN Cloud ได้แล้วที่นี่

📞 โทร: 02690 3888

📧 อีเมล: sales@proen.co.th

Recent Post

การจัดการความเสี่ยงคือสกิลที่ Developer ต้องมีติดตัว

ในโลกที่ระบบซอฟต์แวร์กลายเป็นโครงสร้างพื้นฐานของทุกองค์กร ความผิดพลาดเพียงเล็กน้อยในโค้ดหนึ่งบรรทัด อาจทำให้ระบบล่ม ธุรกิจหยุดชะงัก หรือข้อมูลสำคัญสูญหายได้ การจัดการความเสี่ยงจึงไม่ใช่แค่เรื่องของทีม IT Security หรือ SysAdmin แต่เป็นหน้าที่ของ Developer ทุกคนที่มีส่วนร่วมกับระบบนั้น ๆ

Read More »

Automation ระบบที่คิดเพื่ออนาคต ลงทุนเวลาเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่มากกว่าในระยะยาว

ในสายตาคนนอกวงการ การที่ Developer หรือวิศวกรซอฟต์แวร์เขียน Script ให้งานให้สามารถทำงานได้อัตโนมัติ อาจดูเหมือนเป็นการ “หลีกเลี่ยง” งาน แต่ในโลกจริงของวงการพัฒนาเทคโนโลยี Automation มันคือการลงทุนทางเวลา เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่มากกว่าเดิมในระยะยาว

Read More »

เป็น Dev ก็ Work from Anywhere ได้แม้ไม่มีคอม…รวมแอปเขียนโค้ดบนมือถือกับฟังก์ชั่นตัวเด็ด!

ในโลกที่ชีวิตของ Developer ไม่จำกัดอยู่แค่หลังโต๊ะทำงาน การเดินทาง นั่งคาเฟ่ หรือช่วงเวลาระหว่างรอรถ ก็สามารถกลายเป็น “เวลาแห่งการสร้างสรรค์” ได้ — เพราะตอนนี้มี แอปเขียนโค้ดบนมือถือ ให้เลือกใช้มากมายที่ช่วยให้ Dev ทำงานได้แม้ไม่มีโน้ตบุ๊กอยู่ใกล้ตัว

Read More »

AI อย่างเดียวคงไม่พอ…ต้องมี Platform ที่ใช่ เพื่อให้ Dev ทำงานง่ายยิ่งกว่าเดิม

ในยุคที่ AI ไม่ใช่เรื่องไกลตัวอีกต่อไป Developer หลายคนเริ่มหันมาใช้เครื่องมือปัญญาประดิษฐ์ เพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการเขียนโค้ด ตรวจสอบข้อผิดพลาด หรือแม้แต่สร้างโปรแกรมอัตโนมัติขั้นสูง แต่เบื้องหลังการใช้งาน AI ที่ได้ผลจริง สิ่งสำคัญที่ไม่ควรมองข้ามคือ “โครงสร้างพื้นฐาน” ที่ยืดหยุ่น ปลอดภัย และสามารถประมวลผลได้รวดเร็ว ซึ่งเป็นสิ่งที่ PROEN Cloud พร้อมจะมอบให้กับ Dev ทุกคนที่ต้องการก้าวไปอีกขั้น

Read More »