ทำไม Dev ต้องสนใจเรื่องความเสี่ยง?
ในโลกที่ระบบซอฟต์แวร์กลายเป็นโครงสร้างพื้นฐานของทุกองค์กร ความผิดพลาดเพียงเล็กน้อยในโค้ดหนึ่งบรรทัด อาจทำให้ระบบล่ม ธุรกิจหยุดชะงัก หรือข้อมูลสำคัญสูญหายได้ การจัดการความเสี่ยงจึงไม่ใช่แค่เรื่องของทีม IT Security หรือ SysAdmin แต่เป็นหน้าที่ของ Developer ทุกคนที่มีส่วนร่วมกับระบบนั้น ๆ
ประเภทของความเสี่ยงที่ Developer ควรระวัง
1.ความเสี่ยงด้านโค้ด
- Bug ที่ไม่ได้ถูกตรวจเจอในรอบ Test
- การแก้ไขโค้ดที่กระทบฟีเจอร์อื่นโดยไม่รู้ตัว
2.ความเสี่ยงด้านเวอร์ชันและการเปลี่ยนแปลง
- Merge conflict ที่ไม่ได้รับการจัดการอย่างถูกต้อง
- ไม่มีระบบ version control ที่ดีพอ
3.ความเสี่ยงด้านระบบและโครงสร้างพื้นฐาน
- การ Deploy ที่ไม่มีการ Backup หรือ Rollback plan
- การใช้งาน API/Third-party services โดยไม่ตรวจสอบ SLA
4.ความเสี่ยงด้านความเข้าใจผิดระหว่างทีม
- ขาดการสื่อสารที่ดีระหว่างทีม Dev, QA, และ Ops
- Requirement ไม่ชัดเจน ทำให้โค้ดผิดทิศทาง
แนวทางลดความเสี่ยงที่ Dev ควรใช้
1. ใช้ Git อย่างมืออาชีพ
- สร้าง branch ตามฟีเจอร์หรือ issue
- Commit อย่างสม่ำเสมอ พร้อมข้อความที่เข้าใจง่าย
- ใช้ Pull Request (PR) เพื่อให้ทีมช่วยตรวจสอบก่อน Merge
2. เขียน Test ให้ครอบคลุม
- เริ่มจาก Unit Test เพื่อทดสอบ logic
- เพิ่ม Integration Test และ End-to-End Test
- ใช้ Coverage Report เพื่อวัดว่าโค้ดส่วนใดบ้างที่ยังไม่ได้ทดสอบ
3. เตรียมแผน Rollback ทุกครั้งก่อน Deploy
- อย่าปล่อยโค้ดขึ้น Production ถ้าไม่มีทางถอยกลับ
- ใช้ Feature Flag หรือ Blue-Green Deployment
- สร้าง Snapshot หรือ Backup ก่อนทุกการเปลี่ยนแปลงสำคัญ
4. ทำให้ระบบตรวจจับปัญหาได้ด้วยตัวเอง
- ใช้ Monitoring Tools เช่น Prometheus, Grafana, Sentry
- ตั้ง Alert เมื่อเกิดเหตุผิดปกติ เช่น response time พุ่งสูง, error rate เพิ่ม
- เขียน Log อย่างมีระบบ เพื่อช่วยให้ debug ได้ง่าย
กรณีศึกษา: ความผิดพลาดที่ไม่ควรเกิดขึ้นอีก
ปี 2017 GitLab สูญเสียข้อมูล production database ไปกว่า 300GB เพราะวิศวกรลบ production database ด้วยคำสั่งผิด และไม่มีระบบ snapshot ที่พร้อมจะ rollback ได้ทันเวลา
บทเรียนจากกรณีนี้คือ ความผิดพลาดเกิดขึ้นได้เสมอ ไม่ว่าจะเก่งแค่ไหน สิ่งที่ต้องเตรียมคือระบบรับมือกับความผิดพลาดนั้นอย่างชาญฉลาด
ความเข้าใจผิดเกี่ยวกับความเสี่ยง
- “ระบบทำงานได้ก็ดีแล้ว ไม่เห็นต้องคิดเยอะ” — จนกว่าระบบจะพัง แล้วคุณไม่มีทางแก้ทัน
- “ทีม Dev ไม่ใช่คน Deploy ไม่ต้องรับผิดชอบ” — ความเสี่ยงเกิดจากโค้ดที่คุณเขียน ไม่ว่าจะใครกด Deploy
- “ใช้เวลาเขียน Test นานไป เดี๋ยวไม่ทันเดดไลน์” — ถ้าไม่มี Test แล้วเกิดบั๊ก การแก้ปัญหาทีหลังจะช้ากว่าเยอะ
บทสรุป
Developer ที่ดีไม่ใช่แค่คนที่ “ทำให้ระบบทำงาน” ได้ แต่คือคนที่ “คิดเผื่อว่าเมื่อไหร่ระบบจะพัง” และเตรียมวิธีรับมือไว้เรียบร้อยแล้ว
ทักษะด้านการจัดการความเสี่ยงจึงเป็นเหมือนระบบภูมิคุ้มกันของทีม — มันอาจดูเหมือนไม่สำคัญในวันที่ไม่มีปัญหา แต่จะกลายเป็นสิ่งที่ทุกคนขอบคุณเมื่อถึงเวลาวิกฤต
สุดท้ายนี้ ถ้าคุณอยากเป็น Developer ที่คนในทีมไว้ใจ ให้เริ่มจากการตั้งคำถามว่า “ถ้าโค้ดนี้พังขึ้นมา จะเกิดอะไรขึ้น?” แล้วเริ่มลงมือวางแผนรับมือวันนี้ ก่อนที่ระบบจะล่มจริงในวันพรุ่งนี้ 🙂
พร้อมเริ่มต้นใช้งาน PROEN Cloud แล้วหรือยัง?
ลงทะเบียนสนใจข้อมูลเพิ่มเติม Click
สัมผัสประสบการณ์ PROEN Cloud ได้แล้วที่นี่
โทร: 02690 3888
อีเมล: sales@proen.co.th


