อยากรู้ว่าลงทุนใน Cloud-based Security คุ้มค่าจริงมั้ย? ต้องดูตัวเลขอะไรบ้าง

การลงทุนใน Cloud-based Security เป็นเรื่องสำคัญสำหรับองค์กรที่ต้องการป้องกันภัยคุกคามทางไซเบอร์ แต่คำถามสำคัญคือ “การลงทุนนี้ให้ผลตอบแทนที่คุ้มค่าหรือไม่?” 📊 มาดูกันว่า Return on Investment (ROI) ของ Cloud-based Security สามารถวัดผลได้อย่างไร และตัวเลขสำคัญที่ธุรกิจต้องรู้มีอะไรบ้าง 

📊 ตัวแปรสำคัญที่ต้องพิจารณา: 

  • ต้นทุนการโจมตีไซเบอร์ที่ลดลง (Cost Reduction) 
  • รายได้ที่ไม่สูญเสียจาก Downtime ที่ลดลง (Revenue Protection) 
  • ค่าใช้จ่ายด้าน IT Security ที่ลดลง (Cost Efficiency) 
  • การปฏิบัติตามมาตรฐานและ Compliance ลดค่าปรับ (Regulatory Compliance) 

📌 ตัวเลขสำคัญที่แสดง ROI ของ Cloud-based Security 

ค่าเฉลี่ยของความเสียหายจากการโจมตีไซเบอร์ทั่วโลก: $4.45 ล้านต่อเหตุการณ์ 
(ข้อมูลจาก IBM Cost of a Data Breach Report 2023) 

องค์กรที่ใช้ Cloud Security ลดความเสียหายได้เฉลี่ย 48% 

  • บริษัทที่ใช้ AI-driven Cloud Security สามารถลดระยะเวลาในการตรวจจับและกู้คืนจากการโจมตีได้เร็วขึ้นถึง 27% 

🔹 ตัวอย่าง: 
ถ้าองค์กรมีความเสี่ยงถูกโจมตี ปีละ 1 ครั้ง และคาดว่าความเสียหายจะอยู่ที่ $1 ล้าน 
หากการลงทุนใน Cloud Security ช่วยลดความเสียหายได้ 48% 
✅ ROI ที่ได้ = $480,000 ต่อปี 

ค่าใช้จ่ายเฉลี่ยของ Downtime: $300,000 ต่อชั่วโมง 
(จาก Gartner Research) 

Cloud-based Security ลด Downtime ได้ถึง 75% 

  • ระบบ DDoS Protection & Cloud WAF ลด Downtime ได้อย่างมีประสิทธิภาพ 

🔹 ตัวอย่าง: 
ธุรกิจ E-commerce ที่มียอดขาย $50,000 ต่อชั่วโมง 
หาก Downtime ลดลงจาก 4 ชั่วโมงเหลือ 1 ชั่วโมง 
✅ ROI ที่ได้ = $150,000 ในการป้องกันความเสียหายของรายได้ 

องค์กรที่ใช้ Cloud-based Security ลดต้นทุนด้าน Security Operations ได้ 30-40% 

  • ลดค่าใช้จ่ายของ On-premise Security Infrastructure 
  • ลดค่าใช้จ่ายด้าน IT Security Personnel 
  • ลดความจำเป็นในการอัปเกรด Hardware และ Software 

🔹 ตัวอย่าง: 
องค์กรที่ต้องลงทุน $500,000 ต่อปี ใน IT Security 
✅ หากใช้ Cloud Security แล้วช่วยลดต้นทุนได้ 30% → ประหยัด $150,000 ต่อปี 

การละเมิด GDPR มีค่าปรับสูงสุดถึง €20 ล้าน หรือ 4% ของรายได้ 
ธุรกิจที่ใช้ Cloud Security ลดความเสี่ยงของค่าปรับได้กว่า 60% 

🔹 ตัวอย่าง: 
หากบริษัทมีรายได้ $10 ล้านต่อปี และค่าปรับ GDPR อาจสูงถึง $400,000 
✅ ROI ที่ได้ = ลดความเสี่ยงค่าปรับลง $240,000 

📊 ตัวอย่างการคำนวณ ROI ของ Cloud Security 

สมมติว่าองค์กรลงทุน $200,000 ต่อปีใน Cloud-based Security และได้รับประโยชน์ดังนี้: 

ปัจจัย เงินที่ประหยัดหรือเพิ่มรายได้ได้ 
ลดต้นทุนจากการโจมตีไซเบอร์ $480,000 
ลด Downtime และป้องกันการสูญเสียรายได้ $150,000 
ลดค่าใช้จ่ายด้าน IT Security $150,000 
ลดความเสี่ยงด้าน Compliance $240,000 
รวมผลประโยชน์ที่ได้รับ $1,020,000 

องค์กรจะได้ ROI สูงถึง 410% จากการลงทุนใน Cloud Security 

🚀 สรุป: ทำไมธุรกิจต้องลงทุนใน Cloud-based Security? 

✔️ ลดต้นทุนจากการโจมตีไซเบอร์ – ป้องกันความเสียหายจาก Data Breaches และ Cyber Attacks 
✔️ ลด Downtime & เพิ่มรายได้ที่ไม่สูญเสีย – ป้องกันการโจมตีที่ทำให้เว็บไซต์หรือระบบล่ม 
✔️ ลดค่าใช้จ่ายด้าน IT Security – ลดภาระของทีม IT และลดต้นทุนโครงสร้างพื้นฐาน 
✔️ ลดความเสี่ยงจาก Compliance & Regulatory Issues – ป้องกันค่าปรับมหาศาล 

📈 ROI ของ Cloud-based Security ไม่ได้วัดแค่การลดต้นทุน แต่ยังช่วยให้ธุรกิจดำเนินไปอย่างมั่นคงในยุคดิจิทัล 🚀 

สนใจติดต่อติดต่อเรา ผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยไซเบอร์และทุกเรื่องของเทคโนโลยีที่ครบวงจรเพื่อรับคำปรึกษาเพิ่มเติมฟรี 

Email: Sales@snoc.co.th

Tel: 02 690 3999

Recent Post

การจัดการความเสี่ยงคือสกิลที่ Developer ต้องมีติดตัว

ในโลกที่ระบบซอฟต์แวร์กลายเป็นโครงสร้างพื้นฐานของทุกองค์กร ความผิดพลาดเพียงเล็กน้อยในโค้ดหนึ่งบรรทัด อาจทำให้ระบบล่ม ธุรกิจหยุดชะงัก หรือข้อมูลสำคัญสูญหายได้ การจัดการความเสี่ยงจึงไม่ใช่แค่เรื่องของทีม IT Security หรือ SysAdmin แต่เป็นหน้าที่ของ Developer ทุกคนที่มีส่วนร่วมกับระบบนั้น ๆ

Read More »

Automation ระบบที่คิดเพื่ออนาคต ลงทุนเวลาเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่มากกว่าในระยะยาว

ในสายตาคนนอกวงการ การที่ Developer หรือวิศวกรซอฟต์แวร์เขียน Script ให้งานให้สามารถทำงานได้อัตโนมัติ อาจดูเหมือนเป็นการ “หลีกเลี่ยง” งาน แต่ในโลกจริงของวงการพัฒนาเทคโนโลยี Automation มันคือการลงทุนทางเวลา เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่มากกว่าเดิมในระยะยาว

Read More »

เป็น Dev ก็ Work from Anywhere ได้แม้ไม่มีคอม…รวมแอปเขียนโค้ดบนมือถือกับฟังก์ชั่นตัวเด็ด!

ในโลกที่ชีวิตของ Developer ไม่จำกัดอยู่แค่หลังโต๊ะทำงาน การเดินทาง นั่งคาเฟ่ หรือช่วงเวลาระหว่างรอรถ ก็สามารถกลายเป็น “เวลาแห่งการสร้างสรรค์” ได้ — เพราะตอนนี้มี แอปเขียนโค้ดบนมือถือ ให้เลือกใช้มากมายที่ช่วยให้ Dev ทำงานได้แม้ไม่มีโน้ตบุ๊กอยู่ใกล้ตัว

Read More »

AI อย่างเดียวคงไม่พอ…ต้องมี Platform ที่ใช่ เพื่อให้ Dev ทำงานง่ายยิ่งกว่าเดิม

ในยุคที่ AI ไม่ใช่เรื่องไกลตัวอีกต่อไป Developer หลายคนเริ่มหันมาใช้เครื่องมือปัญญาประดิษฐ์ เพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการเขียนโค้ด ตรวจสอบข้อผิดพลาด หรือแม้แต่สร้างโปรแกรมอัตโนมัติขั้นสูง แต่เบื้องหลังการใช้งาน AI ที่ได้ผลจริง สิ่งสำคัญที่ไม่ควรมองข้ามคือ “โครงสร้างพื้นฐาน” ที่ยืดหยุ่น ปลอดภัย และสามารถประมวลผลได้รวดเร็ว ซึ่งเป็นสิ่งที่ PROEN Cloud พร้อมจะมอบให้กับ Dev ทุกคนที่ต้องการก้าวไปอีกขั้น

Read More »