อยากลดความเสี่ยงด้านไซเบอร์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ต้องมารู้จัก NIST Cybersecurity Framework 

NIST Cybersecurity Framework (CSF) เป็นกรอบแนวทางการจัดการความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์ที่พัฒนาโดย National Institute of Standards and Technology (NIST) หน่วยงานของสหรัฐอเมริกา มีเป้าหมายเพื่อช่วยให้องค์กรสามารถบริหารจัดการความเสี่ยงด้านไซเบอร์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ 

กรอบแนวทางของ NIST CSF แบ่งออกเป็น 5 ฟังก์ชันหลัก (Core Functions) ได้แก่: 

  1. Identify (ระบุ) 
  • ทำความเข้าใจสินทรัพย์ (Assets), ข้อมูล, ระบบ, และความเสี่ยงที่เกี่ยวข้อง 
  • กำหนดนโยบายและกระบวนการจัดการความเสี่ยงไซเบอร์ 
  • ตัวอย่าง: การทำ Asset Management, การประเมิน Cyber Risk, และการกำหนด Governance Framework 
  1. Protect (ป้องกัน) 
  • กำหนดมาตรการป้องกันเพื่อลดผลกระทบจากภัยคุกคามทางไซเบอร์ 
  • ตัวอย่าง: การควบคุมสิทธิ์การเข้าถึง (Access Control), การฝึกอบรมพนักงาน, และการเข้ารหัสข้อมูล 
  1. Detect (ตรวจจับ) 
  • มีความสามารถในการตรวจจับเหตุการณ์ด้านความมั่นคงปลอดภัยที่อาจเกิดขึ้น 
  • ตัวอย่าง: การใช้ SIEM (Security Information and Event Management), ระบบตรวจจับภัยคุกคาม, และการวิเคราะห์พฤติกรรม 
  1. Respond (ตอบสนอง) 
  • มีแผนรับมือเหตุการณ์ด้านความมั่นคงปลอดภัย และลดผลกระทบที่เกิดขึ้น 
  • ตัวอย่าง: การวางแผน Incident Response, การแจ้งเตือน และการสื่อสารในกรณีเกิดเหตุ 
  1. Recover (กู้คืน) 
  • วางแผนฟื้นฟูระบบและกระบวนการทำงานให้กลับสู่สภาพปกติ 
  • ตัวอย่าง: การทำ Business Continuity Planning (BCP), การทดสอบแผนกู้คืนระบบ (Disaster Recovery Testing) 
  • เป็นมาตรฐานที่ได้รับการยอมรับในระดับสากล 
  • สามารถปรับใช้ได้กับทุกองค์กร ไม่ว่าจะเป็นขนาดเล็กหรือใหญ่ 
  • มีความยืดหยุ่น และสามารถใช้ร่วมกับมาตรฐานอื่น เช่น ISO 27001, COBIT, และ CIS Controls 
  • ช่วยองค์กรบริหารจัดการความเสี่ยงทางไซเบอร์ได้อย่างเป็นระบบ 
  1. ประเมินสถานะปัจจุบันขององค์กร 
  1. กำหนดเป้าหมายและระดับความมั่นคงปลอดภัยที่ต้องการ 
  1. นำมาตรการด้านความมั่นคงปลอดภัยไปปรับใช้ในแต่ละฟังก์ชัน 
  1. ติดตามและปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง 

🚀NIST Cybersecurity Framework เป็นแนวทางที่ช่วยองค์กรจัดการความเสี่ยงไซเบอร์อย่างเป็นระบบ มีโครงสร้างหลัก 5 ฟังก์ชัน ได้แก่ Identify, Protect, Detect, Respond, และ Recover ซึ่งสามารถนำไปปรับใช้ได้กับทุกองค์กร เพื่อเพิ่มความสามารถในการรับมือกับภัยคุกคามทางไซเบอร์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ 🚀 

สนใจติดต่อติดต่อเรา ผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยไซเบอร์และทุกเรื่องของเทคโนโลยีที่ครบวงจรเพื่อรับคำปรึกษาเพิ่มเติมฟรี 

Email: Sales@snoc.co.th

Tel: 02 690 3999

Recent Post

การจัดการความเสี่ยงคือสกิลที่ Developer ต้องมีติดตัว

ในโลกที่ระบบซอฟต์แวร์กลายเป็นโครงสร้างพื้นฐานของทุกองค์กร ความผิดพลาดเพียงเล็กน้อยในโค้ดหนึ่งบรรทัด อาจทำให้ระบบล่ม ธุรกิจหยุดชะงัก หรือข้อมูลสำคัญสูญหายได้ การจัดการความเสี่ยงจึงไม่ใช่แค่เรื่องของทีม IT Security หรือ SysAdmin แต่เป็นหน้าที่ของ Developer ทุกคนที่มีส่วนร่วมกับระบบนั้น ๆ

Read More »

Automation ระบบที่คิดเพื่ออนาคต ลงทุนเวลาเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่มากกว่าในระยะยาว

ในสายตาคนนอกวงการ การที่ Developer หรือวิศวกรซอฟต์แวร์เขียน Script ให้งานให้สามารถทำงานได้อัตโนมัติ อาจดูเหมือนเป็นการ “หลีกเลี่ยง” งาน แต่ในโลกจริงของวงการพัฒนาเทคโนโลยี Automation มันคือการลงทุนทางเวลา เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่มากกว่าเดิมในระยะยาว

Read More »

เป็น Dev ก็ Work from Anywhere ได้แม้ไม่มีคอม…รวมแอปเขียนโค้ดบนมือถือกับฟังก์ชั่นตัวเด็ด!

ในโลกที่ชีวิตของ Developer ไม่จำกัดอยู่แค่หลังโต๊ะทำงาน การเดินทาง นั่งคาเฟ่ หรือช่วงเวลาระหว่างรอรถ ก็สามารถกลายเป็น “เวลาแห่งการสร้างสรรค์” ได้ — เพราะตอนนี้มี แอปเขียนโค้ดบนมือถือ ให้เลือกใช้มากมายที่ช่วยให้ Dev ทำงานได้แม้ไม่มีโน้ตบุ๊กอยู่ใกล้ตัว

Read More »

AI อย่างเดียวคงไม่พอ…ต้องมี Platform ที่ใช่ เพื่อให้ Dev ทำงานง่ายยิ่งกว่าเดิม

ในยุคที่ AI ไม่ใช่เรื่องไกลตัวอีกต่อไป Developer หลายคนเริ่มหันมาใช้เครื่องมือปัญญาประดิษฐ์ เพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการเขียนโค้ด ตรวจสอบข้อผิดพลาด หรือแม้แต่สร้างโปรแกรมอัตโนมัติขั้นสูง แต่เบื้องหลังการใช้งาน AI ที่ได้ผลจริง สิ่งสำคัญที่ไม่ควรมองข้ามคือ “โครงสร้างพื้นฐาน” ที่ยืดหยุ่น ปลอดภัย และสามารถประมวลผลได้รวดเร็ว ซึ่งเป็นสิ่งที่ PROEN Cloud พร้อมจะมอบให้กับ Dev ทุกคนที่ต้องการก้าวไปอีกขั้น

Read More »