NIST Cybersecurity Framework (NIST CSF) ยุคใหม่กับการป้องกันไซเบอร์: จากทฤษฎีสู่การปฏิบัติ

NIST CSF เป็นแนวทางที่องค์กรสามารถใช้เพื่อ จัดการความเสี่ยงทางไซเบอร์ ได้อย่างเป็นระบบ โดยการนำไปใช้งานสามารถแบ่งเป็น 4 ขั้นตอนหลัก

📌 เป้าหมาย: 
วิเคราะห์ว่าองค์กรมีมาตรการด้านความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์อยู่ในระดับใด 

📌 แนวทางการดำเนินการ: 

วิเคราะห์ความเสี่ยงทางไซเบอร์ที่องค์กรเผชิญ 

ตรวจสอบว่ามาตรการปัจจุบันขององค์กรครอบคลุม 5 ฟังก์ชันหลักของ NIST CSF หรือไม่ 

ใช้ NIST CSF Tiers (ระดับความพร้อมขององค์กร) ซึ่งมี 4 ระดับ:  

Partial (ระดับเริ่มต้น) – ไม่มีแผนการจัดการที่ชัดเจน 

Risk Informed (มีการรับรู้ความเสี่ยง) – มีแนวทางแต่ไม่เป็นมาตรฐาน 

Repeatable (ทำซ้ำได้) – มีกระบวนการที่ชัดเจนและสามารถนำไปใช้ซ้ำได้ 

Adaptive (พัฒนาอย่างต่อเนื่อง) – มีการปรับปรุงและพัฒนาตลอดเวลา 

📌 เป้าหมาย: 
กำหนดมาตรการด้านความมั่นคงปลอดภัยที่องค์กรต้องการบรรลุ 

📌 แนวทางการดำเนินการ: 

ระบุช่องว่าง (Gap Analysis) ระหว่างสถานะปัจจุบันกับเป้าหมายที่ต้องการ 

กำหนดระดับความมั่นคงปลอดภัยที่เหมาะสมกับธุรกิจขององค์กร 

สร้าง Target Profile ที่สอดคล้องกับนโยบายและข้อกำหนดขององค์กร เช่น ISO 27001, GDPR, หรือ PDPA 

📌 เป้าหมาย: 
นำมาตรการด้านความมั่นคงปลอดภัยไปใช้จริงเพื่อลดความเสี่ยงทางไซเบอร์ 

📌 แนวทางการดำเนินการ: 

จัดลำดับความสำคัญของมาตรการที่ต้องดำเนินการ 

กำหนดงบประมาณและทรัพยากรที่จำเป็น 

สร้างนโยบายและแนวปฏิบัติด้านความมั่นคงปลอดภัย (Cybersecurity Policies) 

ใช้เครื่องมือและเทคโนโลยี เช่น SIEM, Firewall, Endpoint Protection, IAM 

ฝึกอบรมพนักงานเกี่ยวกับ Cybersecurity Awareness 

📌 เป้าหมาย: 
เฝ้าติดตามและปรับปรุงกระบวนการความมั่นคงปลอดภัยให้ทันกับภัยคุกคามที่เปลี่ยนแปลงไป 

📌 แนวทางการดำเนินการ: 

ใช้ Key Performance Indicators (KPIs) เพื่อวัดประสิทธิภาพของมาตรการที่นำมาใช้ 

ทดสอบและซ้อมแผนรับมือภัยคุกคาม (Incident Response Drills) 

ตรวจสอบและอัปเดต Risk Assessment อย่างสม่ำเสมอ 

ปรับปรุงมาตรการตามแนวทางของ NIST CSF Updates เวอร์ชันใหม่ 

การนำ NIST CSF ไปใช้ในองค์กรประกอบด้วย 4 ขั้นตอนหลัก

ประเมินสถานะปัจจุบัน (Current Profile) 

กำหนดเป้าหมายด้านความมั่นคงปลอดภัย (Target Profile) 

พัฒนาและดำเนินการตามแผน (Implementation Plan) 

ติดตามผลและปรับปรุง (Monitor & Improve) 

✔️ สามารถนำไปปรับใช้ได้กับองค์กรทุกขนาด 
✔️ ช่วยลดความเสี่ยงทางไซเบอร์ได้อย่างเป็นระบบ 
✔️ รองรับมาตรฐานสากล เช่น ISO 27001, CIS Controls, และ GDPR 
✔️ ทำให้องค์กรมีแนวทางการบริหารความมั่นคงปลอดภัยที่ชัดเจน 

หากองค์กรของคุณกำลังมองหาวิธีบริหารจัดการความเสี่ยงทางไซเบอร์ NIST CSF เป็นแนวทางที่สามารถนำไปใช้ได้จริง และช่วยให้มั่นใจว่าธุรกิจของคุณปลอดภัยจากภัยคุกคามไซเบอร์! 🚀 

Recent Post

การจัดการความเสี่ยงคือสกิลที่ Developer ต้องมีติดตัว

ในโลกที่ระบบซอฟต์แวร์กลายเป็นโครงสร้างพื้นฐานของทุกองค์กร ความผิดพลาดเพียงเล็กน้อยในโค้ดหนึ่งบรรทัด อาจทำให้ระบบล่ม ธุรกิจหยุดชะงัก หรือข้อมูลสำคัญสูญหายได้ การจัดการความเสี่ยงจึงไม่ใช่แค่เรื่องของทีม IT Security หรือ SysAdmin แต่เป็นหน้าที่ของ Developer ทุกคนที่มีส่วนร่วมกับระบบนั้น ๆ

Read More »

Automation ระบบที่คิดเพื่ออนาคต ลงทุนเวลาเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่มากกว่าในระยะยาว

ในสายตาคนนอกวงการ การที่ Developer หรือวิศวกรซอฟต์แวร์เขียน Script ให้งานให้สามารถทำงานได้อัตโนมัติ อาจดูเหมือนเป็นการ “หลีกเลี่ยง” งาน แต่ในโลกจริงของวงการพัฒนาเทคโนโลยี Automation มันคือการลงทุนทางเวลา เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่มากกว่าเดิมในระยะยาว

Read More »

เป็น Dev ก็ Work from Anywhere ได้แม้ไม่มีคอม…รวมแอปเขียนโค้ดบนมือถือกับฟังก์ชั่นตัวเด็ด!

ในโลกที่ชีวิตของ Developer ไม่จำกัดอยู่แค่หลังโต๊ะทำงาน การเดินทาง นั่งคาเฟ่ หรือช่วงเวลาระหว่างรอรถ ก็สามารถกลายเป็น “เวลาแห่งการสร้างสรรค์” ได้ — เพราะตอนนี้มี แอปเขียนโค้ดบนมือถือ ให้เลือกใช้มากมายที่ช่วยให้ Dev ทำงานได้แม้ไม่มีโน้ตบุ๊กอยู่ใกล้ตัว

Read More »

AI อย่างเดียวคงไม่พอ…ต้องมี Platform ที่ใช่ เพื่อให้ Dev ทำงานง่ายยิ่งกว่าเดิม

ในยุคที่ AI ไม่ใช่เรื่องไกลตัวอีกต่อไป Developer หลายคนเริ่มหันมาใช้เครื่องมือปัญญาประดิษฐ์ เพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการเขียนโค้ด ตรวจสอบข้อผิดพลาด หรือแม้แต่สร้างโปรแกรมอัตโนมัติขั้นสูง แต่เบื้องหลังการใช้งาน AI ที่ได้ผลจริง สิ่งสำคัญที่ไม่ควรมองข้ามคือ “โครงสร้างพื้นฐาน” ที่ยืดหยุ่น ปลอดภัย และสามารถประมวลผลได้รวดเร็ว ซึ่งเป็นสิ่งที่ PROEN Cloud พร้อมจะมอบให้กับ Dev ทุกคนที่ต้องการก้าวไปอีกขั้น

Read More »